Migrate-to-Cloud ย้ายมาใช้งาน Cloud ดีกว่าอย่างไร ?
Cloud Computing ถูกพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงสามารถตอบโจทย์การทำงานผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้เป็นอย่างดี และเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่มีมีความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยหลายๆ ธุรกิจก็ให้ความสนใจกับการทำงานของคลาวด์ แต่ระหว่างคลาวด์ในต่างประเทศ และ Local Cloud ที่มีความแตกต่างกัน น่าสนใจอย่างไร ? และดีกว่าอย่างไร ?
Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก คาดว่าองค์กรต่างๆ จะย้ายแอปพลิเคชันจากใน On-premise ไปยัง Public Cloud มากขึ้น (Migrate to Cloud) เพื่อใช้งานบริการที่มีผู้ให้คำแนะนำและการช่วยเหลือเรื่องพัฒนาซอฟต์แวร์ในกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักวิเคราะห์จาก Gartner ระบุว่าธุรกิจต่างๆ กว่า 1 ใน 5 จะมีการจัดการโดยนำระบบโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์ (Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS) มาใช้ในการทำงานของอุตสาหกรรมและธุรกิจมากขึ้น โดยคาดว่า ภายในปี 2022 จะมีการลงทุนกับบริการทางด้าน Public Cloud ในธุรกิจต่างๆ เพิ่มขึ้น 28%
Gartner ยังรายงานอีกว่า ตลาดบริการ Public Cloud ในปี 2019 จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 17.5% ทั่วโลก ซึ่งอาจมากถึง 214.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 182.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2018 ส่วนตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดจะเป็นบริการโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ (Infrastructure-as-a-Services หรือ IaaS) ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้น 27.5% ในปี 2019 ถึง 38.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 30.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2018 จนถึงปี 2022 Gartner ประเมินว่า บริการ Public Cloud จะเติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่าจากธุรกิจการให้บริการด้านไอทีทั้งหมด
อุปสรรคในการใช้งาน Cloud Computing ที่มี Data Center ในต่างประเทศ
Sid Nag รองประธานฝ่ายวิจัยของ Gartner กล่าวว่า “องค์กรที่ต้องการใช้งานบริการด้านระบบ Public Cloud เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชันบนระบบของอุตสาหกรรมหรือธุรกิจ หนึ่งในปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง คือ มาตรฐานการให้บริการในการจัดการและการพัฒนาทรัพยากรซอฟต์แวร์ในระหว่างการโยกย้าย (Migrate to Cloud) ที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากผู้ให้บริการที่ไม่มีบริการการโยกย้าย (Migrate to Cloud) นี้ อาจเป็นอุปสรรคที่สำคัญของธุรกิจที่จะใช้งาน Public Cloud ได้
ในการใช้บริการ Public Cloud ต่างประเทศ องค์กรมักจะใช้งานผ่านบริษัทผู้ทำหน้าที่ส่งมอบโซลูชัน (System Integrator หรือ SI) เพื่อทำการประเมินความพร้อม อุปสรรค และความเป็นไปได้ในการโยกย้ายแอปพลิเคชันไปยังระบบการทำงานคลาวด์ (Migrate to Cloud) ได้รวดเร็วมากขึ้น เนื่องจากจะมีแอปพลิเคชันบางตัวที่ไม่สามารถยกระดับและย้าย (Migrate to Cloud) ไปยังระบบคลาวด์ได้ ทำให้องค์กรอาจจะต้องพิจารณายกเลิกการใช้งานซอฟต์แวร์บางตัว
การใช้งาน Local Cloud ดีกว่าอย่างไร?
สำหรับผู้ให้บริการ Public Cloud ภายในประเทศไทย (Local Cloud) จะสามารถแก้ไขปัญหา การโยกย้าย (Migrate to Cloud) ในส่วนนี้ได้ เนื่องจากมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยเหลือองค์กรให้สามารถย้ายระบบได้อย่างสมบูรณ์ อย่างเช่น คลาวด์ไทยที่มีความเชี่ยวชาญในการโยกย้ายระบบ (Migrate to Cloud) รวมถึงประสบการณ์ที่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรภายในประเทศไทย มากกว่าผู้ให้บริการจากต่างประเทศนั่นเอง
ในกระบวนการการโยกย้าย (Migrate to Cloud) จะเป็นการสร้างและทำงานบนแอปพลิเคชันไปควบคู่กัน เพื่อปรับเปลี่ยนแอปพลิเคชันให้สอดคล้องกับการใช้งานอยู่ตลอดเวลา แต่การใช้งานแอปพลิเคชันใน On-premise ควบคู่กับระบบคลาวด์ ในส่วนการทำงานรูปแบบนี้จะทำให้การทำงานของแอปพลิเคชันเกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อน ซึ่งองค์กรอาจประสบปัญหาหลายอย่างในการทำงานซ้ำของแอปพลิเคชันส่วนนี้ได้ การใช้งานแบบ On-premise ควบคู่กับ Cloud จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
การโยกย้ายระบบสู่ Cloud (Migrate to Cloud) จึงจำเป็นทีจะต้องใช้บุคลากรที่มีทักษะการทำงานคลาวด์เท่านั้น Nipa Cloud จึงเป็นให้ผู้บริการ cloud server (Local Cloud) จึงเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ เนื่องจากการให้คำปรึกษาที่ดีที่สุด Sid Nag กล่าวว่า “ผู้ให้บริการด้าน Public Cloud ในประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในฐานะที่ปรึกษาบริการคลาวด์ เนื่องจากองค์กรต่างๆ เริ่มใช้งานบริการ Public Cloud เพิ่มมากขึ้น การใช้งานจึงจะกระจายไปยัง Local Cloud มากกว่า เพราะสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ได้ เข้าใจปัญหาความต้องการขององค์กรมากกว่านั่นเอง”