Cloud คืออะไร? หลายคนมักคุ้นชินกับ Cloud ในชื่อ Cloud Services หรือ Cloud Computing หรือ Cloud Server ซึ่งส่วนใหญ่มักจะคุ้นชินกับ Cloud ในการฝากไฟล์ข้อมูลต่างๆ เช่น รูปภาพ เอกสาร สไลด์พรีเซนต์งานต่างๆ หรือบางคนอาจคุ้นชินกับการใช้ Cloud ในรูปแบบนี้ เช่น Google Drive, OneDrive, iCloud แต่จริงๆ แล้ว Cloud Computing มีความสามารถในการทำงานมากกว่าสิ่งที่เราคุ้นเคยทั่วๆ ไปอย่างมาก
Cloud Computing คืออะไร?
Cloud Computing คือ โมเดลหรือโครงสร้างในการให้บริการทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีเพื่อการคำนวณทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยผู้ให้บริการจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็น Data Center ที่ประกอบด้วย Cloud Server ที่ซับซ้อนจำนวนมาก
การใช้งานจะเปรียบเสมือนการใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ผู้ใช้สามารถทำงานได้จากทุกที่บนโลกเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ซึ่งแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปคือการใช้งานที่มีขีดจำกัดสูงกว่า ทำให้มีความเร็ว ปลอดภัย และสะดวกมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของ Cloud Computing คืออะไร?
ข้อได้เปรียบของการใช้ Cloud Computing คือสามารถจัดสรรทรัพยากรบน Cloud ได้อย่างเบ็ดเสร็จ หรือเราสามารถจัดสเปกของ Cloud ได้ทั้งหมดผ่านอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลง เพิ่มลด (Scale) สเปกการใช้งานได้ตลอดเวลา นั่นส่งผลทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มโหลดการทำงานเมื่อมีการใช้งานที่สูงขึ้นได้ หรือลดโหลดการทำงานลงเมื่อมีการใช้งานลดลงได้ทันที ซึ่งข้อดีเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยในการลดต้นทุนของการทำงานในองค์กร โดยไม่ต้องเสียงบลงทุนมหาศาลกับโครงสร้าง IT Infrastructure รวมถึงการบำรุงรักษาและลดภาระของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานควบคุมด้าน IT ลง ทำให้ผู้ใช้ Cloud Computing หรือ Cloud Server มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในองค์กรและอุตสาหกรรมต่างๆ
ประเภทของ Cloud Computing
- Public Cloud คือ โครงสร้าง Cloud Computing ที่ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึงระหว่างกันได้หากไม่ได้รับอนุญาต โดยจะมีทรัพยากรจากผู้ให้บริการต่างๆ เช่น ระบบ Hardware เสมือน ระบบเครือข่ายหรือ Network และระบบ Software รวมถึงระบบความปลอดภัย เช่น Cloud Firewall เพื่อเพิ่มความปลอดภัย สำหรับการใช้งาน โดยการใช้งานจะเป็นในรูปแบบ pay-as-you-go หรือจ่ายตามการใช้งานจริง
- Private Cloud คือ โครงสร้าง Cloud แบบส่วนตัว เสมือนการใช้งานแบบ Public Cloud แต่องค์กรจะต้องลงทุนด้านทรัพยากรทั้งหมด โดยผู้ให้บริการจะดำเนินการดูแลระบบให้ทั้งหมด ทั้งการติดตั้ง ความปลอดภัย ตลอดจนการคิดโซลูชันต่างๆ ในการทำงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
- Hybrid Cloud คือ โซลูชันการใช้งานที่ผสมผสานระหว่างข้อดีของ Private Cloud และ Public Cloud มาใช้ร่วมกัน โดยจะมีการแบ่งการทำงานภายในจากระบบทั้ง 2 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน
Cloud Computing เหมาะกับการทำงานรูปแบบไหนในองค์กร?
- งานหรือโปรเจกต์ที่มีผู้ใช้จำนวนมาก ในยุค New normal ที่ธุรกิจเริ่มหันมาทำงานบน Online มากขึ้น เช่น การจัด Virtual Exhibition, การลงทะเบียน หรือการสมัครสมาชิกต่างๆ ที่ต้องใช้ระบบ Website และมีระบบ Cloud Server หรือ Cloud Hosting สำหรับรองรับการใช้งานจำนวนมาก
- ระบบสำรองข้อมูลฉุกเฉินเมื่อเกิดภัยพิบัติ (Disaster Recovery) เป็นโซลูชันของ Cloud Services ที่จะช่วยให้การทำงานขององค์กรไม่ต้องหยุดชะงัก สามารถสลับการทำงานไปยังระบบสำรองได้ทันที เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดต่างๆ เช่น การล็อกดาวน์, ภัยทางธรรมชาติ, หรืออุบัติเหตุต่างๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการหยุดการทำงานขององค์กรได้
- การทำงานที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ (Unpredictable Workloads) ธุรกิจส่วนใหญ่มักมีลูกค้าเข้ามาซื้อหรือใช้บริการในช่วงเวลาที่่ไม่เท่ากัน จึงทำให้บางช่วงเกิดการกระจุกตัวที่คอขวด หรือเกิดโหลดการทำงานจำนวนมาก ซึ่ง Cloud Computing สามารถยืดหยุ่นการใช้งานเฉพาะช่วงเวลานั้นได้ การย้ายระบบ หรือ Migrate to Cloud จึงช่วยรองรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
- การใช้งานที่ต้องขยายเพื่อรองรับการทำงาน (Scalability) องค์กรหรือธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของข้อมูลจำนวนมากอยู่ตลอดเวลา ทำให้ฐานเก็บข้อมูลต้องขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนใช้ทรัพยากรด้าน IT แบบ On-Premises หรือ Server แบบเดิมซึ่งต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์การทำธุรกิจในปัจจุบันได้ การลงทุนบน Cloud Computing ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์การทำงานที่ดีกว่าจึงสามารถรองรับข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและลงทุนน้อยกว่า
- งานที่ต้องมี Storage หรือพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ การเติบโตของข้อมูลขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Cloud Computing สามารถจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บข้อมูลให้คุณจุข้อมูลที่สำคัญๆ ได้มากขึ้น
- การประมวลผลขั้นสูง (intelligence solutions) Cloud Computing เป็น Server ขนาดใหญ่ที่มีกำลังการประมวลผลขั้นสูง ทำให้สามารถนำไปต่อยอดใช้งานกับเทคโนโลยีอื่นๆ ได้ เช่น Big Data, Machine Learning หรือ AI ได้ ซึ่งผู้ให้บริการก็มีโซลูชันการประมวลผลที่แตกต่างกัน เช่น Nvision เป็นต้น ทำให้องค์กรสามารถประยุกต์การใช้งานจากข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด
Cloud Computing เป็นระบบเทคโนโลยีที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับใช้ให้เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ เพราะมีบริการต่างๆ ของ Cloud Services ที่ครอบคลุมทุกประเภทการใช้งาน รวมถึงยังมีการคิดค่าบริการตามขอบเขตที่ใช้งานจริงของแต่ละองค์กรด้วย
NIPA.Cloud ผู้ให้บริการ Cloud Server Thailand ที่มีความรวดเร็ว ปลอดภัย และเสถียร บนโครงสร้างพื้นฐาน Data Center ที่อยู่ใจกลางการสื่อสาร International Internet Gateway ทำให้สามารถใช้งาน Cloud Computing ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึง NIPA.Cloud ยังมีการออกแบบระบบควบคุม Cloud ของเราเองในชื่อ NIPA Cloud Platform หรือ NCP ภายใต้โครงสร้างของระบบ OpenStack ทำให้สามารถใช้งาน Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ NIPA.Cloud จึงได้รับมาตรฐาน ISO/IEC และรางวัลต่างๆ มากมาย พร้อมด้วยมีบริการที่หลากหลาย เช่น Public Cloud และ Private Cloud ให้ผู้ใช้งานได้ใช้เทคโนโลยี Cloud ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด