ในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทำให้เทคโนโลยีระบบ “Cloud”
เข้ามามีบทบาทอย่างมาก และเกิดธุรกิจ “Cloud Computing” มากขึ้นทั่วโลกและในประเทศไทย
การให้บริการ Cloud เป็นระบบที่เปลี่ยนโฉมของวงการไอที ด้วยการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่นและข้อมูลไว้บน Cloud ที่ไม่ต้องใช้การลงทุนที่มากเกินความจำเป็น และทำให้การทำงานเกิดความคล่องตัว และประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
จากระบบไอทีแบบเก่า หรือ Legacy IT เป็นการใช้เทคโนโลยีที่มีฮาร์ดแวร์มากเกินความจำเป็น การบริหารจัดการที่ยุ่งยาก ความยืดหยุ่นน้อย งบประมาณสำหรับการดูแลระบบสูงเกินความจำเป็น ดังนั้นการย้ายระบบมาสู่ Cloud Computing จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมรองรับเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อการพัฒนาองค์กรและธุรกิจในอนาคต เช่น Big Data, Machine Learning หรือ AI
7 ขั้นตอนย้ายข้อมูลสู่ระบบ Cloud Computing
การวางแผนและกระบวนการเริ่มต้นมีความสำคัญอย่างมากต่อการย้ายไปสู่โครงสร้างพื้นฐานของ Cloud โดยเริ่มต้นองค์กรส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้งาน Public Cloud ก่อน มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของกันและกัน และค่าใช้จ่ายตามจริง หรืออีกแนวทาง คือ Private Cloud เป็นระบบ Cloud สำหรับองค์กรโดยเฉพาะ มีความปลอดภัย สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้ตามต้องการขององค์กร แต่จะมีการลงทุนเริ่มต้นที่สูงขึ้น
กลยุทธ์ขององค์กรขนาดใหญ่ ในการโยกย้ายข้อมูลมากสู่ Cloud Computing โดยพื้นฐานมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ต่อไปนี้
1. กำหนดเป้าหมาย
แรงจูงใจในการใช้ Cloud Computing จะแตกต่างกันไปตามองค์กร บางกรณีใช้ทรัพยากรคลาวด์เพื่อป้องกันและการกู้คืนเมื่อเกิดเหตุการณ์ความเสียหาย (Disaster Recovery) และการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อการพัฒนาซอฟต์แวร์, การทำข้อมูลแบบ Big Data, การทำ Machine Learning หรือ AI
2. ประเมิน Environment
องค์กรสามารถประเมินการใช้งานจากแอปพลิเคชั่นและข้อมูลจำนวนมากที่มีอยู่ เพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่มีบน Cloud Computing พร้อมกับกำหนดค่าระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Cloud เช่น Elastic Compute, Software Defined Storage และ Networking นำมาซึ่งขั้นตอนการย้ายระบบสู่ Cloud Computing
3. เตรียมข้อมูลและแอปพลิเคชั่น
การเตรียมข้อมูลและ Metadata เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการก่อนการโยกย้ายสู่ Cloud Computing รวมถึงการระบุรายละเอียดการกำหนดค่าโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การระบุที่อยู่เครือข่าย, รายละเอียด CPU, หน่วยความจำ และขนาดการจัดเก็บ การเตรียมข้อมูลต้องให้ผู้ใช้สร้าง Snapshots และ VM หรือ Container images พร้อมกับเตรียม Data ต่างๆ เพื่อการโอนย้ายไปยังฐานข้อมูล
4. การโอนย้าย
องค์กรสามารถคัดลอกข้อมูลต่างๆ ไปยัง Cloud Computing ได้หลายวิธี เช่น การถ่ายโอนข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อ Private Network หรือ VPN รวมถึงการถ่ายโอนจำนวนมากผ่านฮาร์ดไดรฟ์ หรือทางเลือกอื่นๆ ได้แก่ ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป และบริการที่ออกแบบมาเพื่อสร้าง DR สำหรับโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะ เช่น Veeam Backup เป็นต้น
5. จัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud Computing
นี่เป็นขั้นตอนการโยกย้ายไปสู่ Cloud Computing ซึ่งองค์กรต่างๆ ที่ได้ทำการสร้างโครงสร้าง Cloud Environment เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นและพื้นที่การย้ายข้อมูล ซึ่งอาจรวมถึงการตั้งค่า VMs, Volume Storage, Networking, Databases, Load balancer, Access Management และอื่น ๆ
6. ทดสอบและปรับ Environment ให้เหมาะสม
ก่อนที่จะมีการใช้งาน Cloud Computing อย่างเต็มรูปแบบ โครงสร้างพื้นฐานของ Cloud Computing จะต้องได้รับการทดสอบต่างๆ เพื่อการันตีการทำงานของระบบ และความเสถียรที่มากเพียงพอ และมีประสิทธิภาพการทำงานที่ได้รับการยอมรับ เพื่อกำหนดการตั้งค่าระบบและทรัพยากร หากมีปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น
7. ลดปริมาณงานการทำงานของ Cloud Computing ในช่วงเริ่มต้น
ขั้นตอนสุดท้ายคือ การปรับปริมาณงานการทำงานที่ใช้บนระบบ Cloud Computing ซึ่งในช่วงเริ่มต้นอาจใช้ระบบการทำงานแบบเก่าร่วมกับการทำงานบน Cloud Computing ควบคู่กัน เพื่อให้เกิดการปรับตัวไปยังแพลตฟอร์มใหม่ รวมถึงการทำงานบน Cloud Computing จะสามารถปรับกระบวนการทำงานได้รวดเร็ว เนื่องจากการประมวลผลการทำงานที่ยังต่ำ แล้วจึงปรับการทำงานไปอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งหมดนี้ คือ ขั้นตอน Migrate-to-Cloud ของแต่ละองค์กรที่ต้องการย้ายระบบการทำงานแบบ Legacy IT มายัง Cloud โดยการย้ายระบบต่างๆ มาใช้งานบนระบบ Cloud ยังมีสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไปมาก เช่น การย้าย Cloud-to-Cloud, การเพิ่ม-ลดขนาดของ Cloud เป็นต้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเป็นการเตรียมความพร้อมของการย้ายระบบต่างๆ ไปสู่ Cloud นั่นเอง