ไขข้อสงสัย!?!? Cloud Disaster Recovery (DR) Services vs DR แบบดั้งเดิม ระบบไหนดีกว่ากัน!!
ช่วงหลังๆนี้ผู้คนและองค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ Public Cloud เพื่อที่จะสามารถควบคุมแอปพลิเคชั่นที่ไม่สำคัญ อีกทั้งยังมีไว้เพื่อจัดเก็บข้อมูล แต่สำหรับบางกลุ่มหรือบางองค์กรได้พัฒนานำข้อมูลที่สำคัญของตนไปเก็บรักษาไว้ใน Cloud
ณ ปัจจุบันนี้ องค์กรควรที่จะเริ่มหันมาสนใจ Cloud Disaster Recovery (DR) Service บริการกู้คืนบนระบบ Cloud นี้มีประโยชน์ต่างๆ มากมายเหนือกว่าระบบ DR แบบเดิม เนื่องจากราคาที่ถูกกว่า จึงสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าอีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการกู้คืนได้เร็วขึ้นอีกด้วย
บริการกู้คืนระบบ Cloud ไม่ได้มีไว้ขึ้นเพื่อมาทดแทน แต่มีหลายสถานการณ์ที่ Cloud Disaster Recovery (DR) Service ทำได้ดีกว่า DR แบบเดิม เรามาเรียนรู้เพิ่มเติมกันได้เลย
1.ราคา ปัจจัยแรกในการเลือกใช้บริการ Cloud Disaster Recovery เนื่องจากการลงทุนสำหรับ Physical DR-Site คือ การเพิ่มการลงทุนทั้ง Data Center, Network, Server ต่างๆ และค่า Operation Cost เช่น ค่าไฟฟ้า, ระบบทำความเย็น, ค่าบำรุงรักษา และทีมงาน
2.บริการ Cloud Disaster Recovery เป็นการสำรองข้อมูลจาก Virtual Machine และ Physical Server จาก Data Center ของผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการจะคิดค่าบริการสำหรับพื้นที่ในการจัดเก็บ Snapshots Backup ต่างๆ ที่อยู่บนระบบ Cloud เท่านั้น ในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น ผู้ใช้บริการสามารถที่นำ Snapshots Backup สร้าง Virtual Machine เพื่อใช้งานแทนระบบหลักของผู้ใช้บริการ
3.บริการ Cloud Disaster Recovery สามารถออนไลน์ระบบ DR-Site ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที ตรงข้ามกับ Physical DR-Site ที่ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
การกู้คืนความเสียหายแบบดั้งเดิมบนระบบ Cloud DR
โดยปกติ Physical DR-Site ของบริษัท จะถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ที่สุด แต่ในทางกลับกันผู้ให้บริการ Cloud อาจตั้ง Data Center บริเวณอื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการเชื่อมต่อของบริษัท Virtual Machine (VM) ที่ถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลนั้น บริการ Cloud DR-Site อาจไม่เหมาะสำหรับ Critical application ซึ่งต้องการ High response times และ Low latency
แม้ว่าจะมีข้อเสีย แต่การเลือกที่จะใช้บริการ Cloud DR-Site สำหรับ Critical application ก็ช่วยให้ธุรกิจ การหยุดชะงักของ Critical application สามารถกลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่นาที หลังจากระบบหลักหยุดทำงาน อย่างไรก็ตามหากองค์กรมีข้อจำกัด เกี่ยวกับที่ตั้งของสถานที่เก็บข้อมูล ปัญหาความล่าช้า หรือแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง องค์กรควรเลือก Physical DR-Site
และก่อนที่ท่านจะเลือกใช้บริการของ Cloud DR-Site สำหรับองค์กรจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปพลิเคชั่นนั้นเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานของ Public Cloud ไหม ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันบางตัวอาจต้องการสภาพแวดล้อมเฉพาะที่อาจไม่สามารถใช้ได้กับผู้ให้บริการ Cloud service ดังนั้นเราจึงต้องเลือก Cloud ที่เหมาะกับแอปพลิเคชั่นของเราเอง ซึ่งทาง Nipa Cloud เล็งเห็นและให้ความสำคัญแนวคิด Digital Transformation จึงมีบริการระบบ Cloud Server Thailand ที่มีความรวดเร็ว ปลอดภัย และเสถียร บนโครงสร้างพื้นฐาน Data Center ที่อยู่ใจกลางการสื่อสาร International Internet Gateway ทำให้สามารถใช้งาน Cloud Computing ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ